ภาพยนตร์

วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2555

JACK AND JILL



Jack And Jill : ผู้หญิงหรือว่ากระเทยควาย

หนังตลกเบาสมองของพระเอกคนดังที่เรารู้จักดี Adam Sandlerที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ารับบทพี่น้องฝาแฝด ควบสองเลยทีเดียว แล้วคนดูก็พอจะเดาได้ว่าต้องเป็นหนังแนวไหน ... ก็เป็นแนวนั้นจริงๆแหละ



หนังเล่าถึง Jack Sadelstein (Adam) นักบริหารงานโฆษณามือดีอนาคตสดใส มีครอบครัวที่อบอุ่นภรรยาสาวแสนสวย (Katie Holmes)กับลูกอีกสองคน ชีวิตเหมือนจะดำเนินไปแบบปกติ จนเมื่อ วันขอบคุณพระเจ้ามาถึง Jill Sadelstein (Adam) พี่สาวฝาแฝด ผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในบรองซ์กับแม่ได้เดินทางมาเยี่ยม ความฮา(รึเปล่า)จึงบังเกิดขึ้น

คงไม่ต้องบรรยายมากกับคาแรกเตอร์แฝดหญิงผู้พี่ Jill นอกจากตัวใหญ่เหมือนกระเทยควายแล้วยังหยาบคาย ไม่รู้กาละเทศะ เสียงดัง และขี้น้อยใจ แต่ไม่รู้ว่าคนดูจะตลกไปกับหนังด้วยรึเปล่า แพนด้ารู้สึกว่าหนังอดัม แซนเดอร์เรื่องนี้ปัญญาอ่อนน้อยลงกว่าเดิม(นั่นหมายความว่าดีขึ้น)และมุกสกปรกน้อยลง แต่ยังไม่ดีเท่าเรื่องก่อนหน้านี้ Grown Upอันนั้นดีกว่าเยอะ แต่ถ้าใครรักชอบพระเอกรายนี้ และรับกับบทหนังที่ไม่ต้องเดาได้ก็ไปดูเถอะ ถือว่าคลายเครียด


ถ้าพูดถึงสิ่งที่แพนด้าสนุกกับหนังเรื่องนี้ ก็คงต้องเป็นดารารับเชิญทั้งหลายที่ยกขบวนกันมาโผล่คนละนิดคนละหน่อย นอกจาก Rob Schneiderที่มาประจำทุกเรื่องอยู่แล้ว และ Al Pacinoที่ยอมมาเล่นบทเป็นตัวเอง(อัล ปาชิโน่)ดาราดังเจ้าอารมณ์ที่มาหลงรักหญิงร่างยักษ์อย่างJillทำให้แพนด้าฮาเป็นอย่างมาก แถมมีคนดังมาอีกเพียบเช่น นักบาสShaquille O'neal นักเทนนิส จอห์น แม็คแอนโรล (คนนี้ฮามาก) Bruce Jenner,Christie Brinkley และดาราดังอีกมากมายนับไม่หมด รวมไปถึงสุดอาร์ตตัวพ่ออย่าง Johnny Deppยังมาร่วมฮาด้วย



สรุปคือนอกจากดารารับเชิญเพียบแล้วก็ไม่มีอะไรให้ฮากันอีก

2 / 5 คะแนน

The Artist [recommend]

The Artist : เมื่อของเก่ายังขลัง และ พลังของศิลปะที่ทรงเสน่ห์


        คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณกันมากสำหรับหนังเรื่องนี้ เมื่อคว้ารางวัลออสการ์ไปครองถึง 5 ตัว และเป็นรางวัลภาพยนต์ยอดเยี่ยมเสียด้วย พ่วงด้วยรางวัล ผู้กำกับภาพยนตร์, นักแสดงนำชาย(ฌอง ดูฌาร์แดงค์), แต่งหน้า, ออกแบบเครื่องแต่งกาย และดนตรีประกอบ จากการเข้าชิง 10 สาขารางวัล  
        ใครที่กลัวว่าหนังออสการ์ไม่สนุกดูน่าเบื่อ ดูไม่รู้เรื่อง บอกไว้ก่อนเลยว่าเรื่องนี้ดูง่ายมาก ง่ายเสียจนคิดว่าเป็หนังน้ำเน่าธรรมดาๆด้วยซ้ำ หนังขาวดำเลียนแบบของเก่า ไม่มีเสียงพูด มันมีเสน่ห์ตรงไหนในยุคที่หนัง 3D ครองบ้านครองเมือง เทคโนโลยีล้ำจนเอาหุ่นยนต์มาแปลงร่างกันให้ดู เอาชาวนาวีมาขี่มังกรบินทะลุจอให้เราตะลึง ใช่ มันเป็นสมัยใหม่ มันเป็นศิลปะสมัยใหม่ที่ทำให้เรารู้สึกล้ำไปกับมัน แต่หนังขาวดำที่เหมือนดูชาลี แชปลิน เมื่อ 50 ปีที่แล้วมันให้ความรู้สึกที่ ขลัง การแสดงที่ลื่นไหลและเทคนิคในการนำเสนอหนังเงียบมันเป็นอะไรที่ดูแล้วต้องคาราวะกันเลยทีเดียว และที่สำคัญ เรื่องนี้ สนุก
      หนัง The Artist เล่าถึงเรื่องของดาราหนังเงียบในยุคก่อนที่หนังจะมีเสียงพูด จอร์จ วาเลนติน ผู้ขึ้นถึงจุดสูงสุดของวงการ ก่อนที่จะเปลี่ยนเข้าสู่ยุคของหนังมีเสียง และเขาไม่สามารถข้ามยุคมาได้ ทำให้เขาตกต่ำเนื่องจากไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ในขณะที่คลื่นลูกใหม่ เป๊ปปี้ มิลเลอร์ (Bérénice Bejo) ผู้เป็นแฟนคลับของจอร์จและใฝ่ฝันจะก้าวเข้ามาในฮอลลีวู๊ด ได้ยอมรับการเปลี่ยนแปลงและไขว่คว้าอนาคตไว้ ทำให้เธอโด่งดังในยุคของหนังเสียง สวนทางกับจอร์จ แต่ความห่วงใยและความรักของเป๊ปปี้ที่มีต่อจอร์จไม่เสื่อมคลาย จึงทำให้เธอตัดสินใจที่จะกอบกู้ และทำให้ จอร์จ วาเลนติน ยอมรับในการเปลี่ยนแปลงและกลับมาเป็นที่นิยมของผู้ชมอีกครั้งหนึ่ง
      แพนด้ากลับมองหนังเรื่องนี้ถึงความรักความศัทธาความชื่นชมของนางเอกที่มีต่อพระเอก ในขณะที่นางเอกยังเป็นแค่บ้านนอกเข้ากรุงโนเนม และชื่นชมในตัวจอร์จแบบสุดๆ ครั้งเดียวที่บังเอิญได้ถูกดาราที่ตัวเองชื่นชมจูบแก้ม ทำให้เธอไม่เคยลืมและยังคงรักจอร์จตลอด  ทำให้แพนด้าคิดว่า ในเวลาที่ซุปตาร์ที่โด่งดังทั้งหลายดังสุดๆ ถ้าเค้าไม่เคยลืมตัว แฟนๆก็จะไม่มีวันทิ้งเค้า อย่างน้อยๆเมื่อเวลาผ่านไปก็ยังคงเป็น ซุปตาร์ในใจแฟนๆตลอดกาล

สรุป ดูไปเหอะ แต่ถ้ามันทำใจลำบากมากก็ไม่ต้องดู แต่คุณอาจจะพลาดประสปการณ์ดีๆไป


4.5 / 5 คะแนน